เด็กหญิงอีว่า พลายิสโนะ
- Suling Eva Prayino
- Jan 20, 2021
- 1 min read
Updated: Feb 11, 2021

น้องลูกหว้าเป็นลูกเสี้ยว คุณพ่อเป็นลูกครึ่งจีน-อินโดนีเซีย เกิดที่อินโดนีเซียแต่ไปเติบโตที่อเมริกา ส่วนคุณแม่เป็นลูกครึ่งเวียดนาม-อเมริกัน ที่ลืมตาดูโลกในแอฟริกาใต้ จะว่าไปแล้วหนูมีความหลากหลายของวัฒนธรรมแฝงอยู่ในตัวนะเนี่ย ชื่อจริงของหนูชื่อน้องอีว่าเพราะคุณพ่อกับคุณแม่พบกันครั้งแรกบนสายการบินอีว่าแอร์ไลน์ ฟังดูแล้วโรแมนติกเหมือนในหนังเลยค่ะ หนูเกิดที่อเมริกาแต่ย้ายมาอยู่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อเแปดปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลว่าคุณแม่อยากให้หนูเติบโตและเรียนรู้วัฒนธรรมอย่างไทย เมืองไทยเหมือนเป็นบ้านเกิดของคุณแม่ค่ะ เพราะคุณแม่เติบโตที่นี่มาตั้งแต่จำความได้ ดังนั้นถึงแม้คุณแม่จะเป็นลูกครึ่งที่ไม่ได้มีเชื้อชาติไทย แต่แม่ก็มีหัวใจของความเป็นไทยอยู่เต็มเปี่ยมค่ะ



คุณแม่เล่าให้ฟังว่าวิถีชีวิตการดำเนินชีวิตของคนไทยเป็นแบบเรียบง่ายแต่มีคุณค่าทางจิตใจสูงมาก ตอนที่หนูเริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนวารีเชียงใหม่ หนูก็ได้เรียนรู้เอกลักษณ์ที่สวยงามนอบน้อมอย่างการไหว้ ภาษาที่มีความซับซ้อนแต่สละสลวยอย่างภาษาไทย คำแรกที่หนูเรียนรู้และจำได้คือคำว่า “สวัสดีค่ะ” เวลาที่หนูถามแม่ว่าทำไมเราต้องย้ายมาอยู่ที่เมืองไทยแม่ก็มักจะตอบหนูบ่อยๆ ว่าเพราะแม่ชอบที่เมืองไทยเป็น “สยามเมืองยิ้ม” ตอนแรกหนูยังไม่ค่อยเข้าใจคำนี้เท่าไหร่หรอกนะคะ แต่เมื่อเห็นหน้าคุณแม่ที่เล่าไปยิ้มไป เพื่อนๆ ของคุณแม่ที่หนูรู้จัก คุณครู คุณอา คุณน้าข้างห้องที่หนูเจอเมื่อไหร่ก็ยิ้มให้หนูทุกที ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณยายในตลาดหรือคุณลุงแปลกหน้าที่เดินสวนกันตรงหัวมุมถนน ทุกคนมีรอยยิ้มน่ารักๆ กันทั้งนั้น เลยทำให้หนูคิดว่าตอนนี้หนูเริ่มเข้าใจความหมายของ “ยิ้มสยาม” มากขึ้นแล้วค่ะ และทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มเหล่านั้นหนูก็รู้สึกอบอุ่นและอดยิ้มกลับไม่ได้ทุกที


หนูรักการรำไทยเป็นอย่างมาก คุณแม่สอนว่าศิลปะวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยมีอยู่รอบตัวเราทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ปิ่นปักผม แม้กระทั่งดอกไม้ก็ยังนำมาใช้ประกอบเป็นท่ารำที่สวยงามได้ คุณยายยังสอนหนูว่าให้มีดนตรีในหัวใจให้รำได้ทุกที่ หนูได้สัมผัสศิลปะไทยในทุกๆด้านโดยเฉพาะนาฏศิลป์หนูโชคดีมากที่คุณพ่อและคุณแม่ สนับสนุนและส่งเสริมในสิ่งที่หนูรัก หลายคนถามว่าทำไมต้องรำไทย หนูสามารถตอบได้อย่างภาคภูมิใจว่าการเรียนนาฏศิลป์ไทยทำให้เราเป็นคนอ่อนโยน เคารพ นอบน้อมต่อครู ผู้สอนทุกท่าน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และล่วงลับไปแล้ว ได้พัฒนาฝีมือ ปรับบุคลิกภาพ ทั้งเสริมสร้างสติปัญญา เพื่อสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ดียิ่งขึ้น


จากเด็กน้อยลูกเสี้ยวธรรมดาคนหนึ่งที่มีความใฝ่ฝันตอนนี้เริ่มโตเป็นสาวแล้ว น้องลูกหว้าวัย 11 ปี บนเส้นทางที่ต้องอาศัยความอดทน ฝึกฝนอย่างมาก มีทั้งความเหนื่อย ความท้อ ความกดดัน หนูก็เพียรพยายาม หาพลังบวกให้ตัวเองมาเป็นแรงผลักดันในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง จนทุกวันนี้หนูก็ได้สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเห็น ว่าหนูสามารถรำเป็นไม่ใช่แค่รำได้ และหนูก็ได้เข้าใจ ดีใจ และภาคภูมิใจ ที่คุณแม่พาหนูมาอยู่เมืองไทย แผ่นดินที่มีศิลปะและวัฒนธรรมที่งดงามมากมาย หนูขอเป็นเยาวชนรุ่นใหม่ที่จะขอช่วยสืบสาน ศิลปะวัฒนธรรมไทย หนูขอขอบคุณแผ่นดินไทยที่ให้รางวัลชีวิตที่มีคุณค่ากว่าสิ่งใด ไม่มีคำว่าสายไป ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ หนูขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่จะเริ่มทำตามความฝันนะคะ

Story by
Suling Eva Prayino

Photo by
Apisith Suyawad
Comments