กินไปเที่ยวไป เส้นโทโฮคุ

พอดีได้มีโอกาสเป็นวิทยากรให้ อ.ภูมิ ภูติมหาตมะ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ในหัวข้อเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาหารและวัฒนธรรม ก็เลยยกมาเขียนในนี้เป็นบทความเปิดเว็บ ในหัวข้อเรื่องอาหาร และวัฒนธรรม ข้อมูลที่นำมาเขียนเป็นเรื่องปีก่อนนะครับ เพราะตั้งแต่โควิดก็ไม่ได้ไปอีกเลย

จากการไปท่องเที่ยวยังเมือง Utsunomiya อุซึโนะมิยะเมืองเล็กๆทางเหนือของโตเกียวที่เป็นแค่ทางผ่านไปภูมิภาคโทโฮคุ Tohoku เมืองนี้นอกจากมีเหมืองหินชั้นดีแล้ว ยังมีอาหารขึ้นชื่ออีกอย่างคือเกี๊ยวซ่า เป็นอาหารที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาได้ปีละหลายล้านคน สาเหตุที่เกี๊ยวซ่าถูกเลือกเป็นอาหารยอดนิยมก็เพราะเมืองนี้สามารถผลิตแป้งและกระเทียมได้จำนวนมาก และส่วนประกอบอื่นก็ยังสามารถหาได้ง่ายในพื้นที่ต่างๆรอบเมือง มีการคาดเดาว่าการทำเกี๊ยวซ่าเนี่ย มาจากคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของประเทศจีน ในสมัยที่จีนปกครองตั้งแต่ราชวงศ์ถัง โดยในเมืองนี้มีร้านเกี๊ยวซ่าประมาณสองร้อยกว่าร้าน ทำให้มีความหลากหลายในลักษณะต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบบต้ม แบบทอดกะทะ หรือทอดน้ำมัน ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่คล้ายถาดพิซซ่า และยังมีใส้ต่างๆเช่นใส้หมูทอด ใส้เห็ด หรือยังมีเมนูเกี๊ยวซ่าอื่นๆอีกเช่น เกี๊ยวซ่าปีกไก่เป็นต้น เรียกได้ว่าเดินลองได้ทั้งวัน

จุดนี้เป็นกิมมิคที่น่าสนใจมาก เพราะว่าถึงทั้งจังหวัดจะขายของชนิดเดียวกัน แต่ทุกร้านก็หาสินค้าที่เป็นของตัวเอง ต่อให้เอาไปขายจังหวัดอื่น พอมาจังหวัดนี้ก็ต้องไปลองร้านอื่นในจังหวัดอยู่ดี ในจุดนี้ของฝากไทยน่าจะลองเอาไปใช้ดู เพราะบางครั้งไปเที่ยวแล้วซื้อของร้านแรกก็แพคของกลับได้เลย ยังไงก็ขายเหมือนกันทุกร้าน

เดินทางต่อไปไม่ไกลนักจะถึงจังหวัดฟุกุชิมะ ที่มีปัญหาเรื่องเตาปฏิกรณ์นั่นแหละครับ ตอนนี้ไปเที่ยวได้แล้ว มีที่เที่ยวเยอะด้วย ไว้จะมาเล่าทีหลัง ขอข้ามไป Akita จังหวัดอะคิตะนี่นอกจากจะมีชื่อเรื่องของสุนัขแล้ว ยังมีอาหารที่ขึ้นชื่อคือ Kiritanpo-nabe เพราะว่าเมืองนี้อยู่ด้านเหนือของประเทศญี่ปุ่นทำให้มีฤดูหนาวที่ค่อนข้างหนาว โหดพอสมควรอาหารของที่นี่จึงเป็นของประยุกต์จากอาหารที่เก็บไว้ได้นานเช่น ข้าวเหนียวที่เอาไปบด ม้วน จากนั้นปิ้งไฟในเตาผิงในบ้าน พอจะรับประทานก็เอามาปรุงในหม้อผสมกับผักตากแห้งที่เก็บได้จากในป่า เป็นการถนอมอาหารไว้เพื่อจะใช้ในฤดูหนาว หม้อไฟนี้เรียกว่า Kiritanpo-nabe เป็นอาหารท้องถิ่นที่นิยมใช้เสิร์ฟพร้อมกับการแสดงพื้นเมืองให้นักท่องเที่ยวชม เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่สร้างจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว

และมาใกล้ๆกันก็มี Aomori จังหวัดอะโอโมริ Aromori จังหวัดนี้เป็นจังหวัดที่จัดงานเทศกาลโคม Nebuta ทุกปี แต่ถ้าไม่มีเทศกาลจังหวัดนี้แทบไม่มีนักท่องเที่ยวไป เพราะอยู่ขอบเหนือสุดของภูมิภาคโทโฮคุ เพราะเป็นจุดเดินทางที่ยากมากเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงและป่าทึบ ที่ติดกับจังหวัดฮาโกดาเตะ Hakodate ชนิดที่ว่าถ้าที่นี่มีอะไรเมืองนั้นก็ต้องมีและยังใกล้สนามบินจากซัปโปโรมากกว่า

อีกทั้งฤดูหนาวก็มีหิมะตกหนักมากทำให้เส้นทางคมนาคมลำบาก ดังนั้นหน่วยงาน JR-East ที่เป็นหน่วยงานคมนาคมรถไฟของประเทศญี่ปุ่นจึงได้สร้าง A-FACTORY เป็นเอาท์เล็ทผลิตภัณฑ์จากจังหวัดอะโอโมริทั้งหมด โดยสร้างติดกับสถานีรถไฟเพื่อให้ง่ายต่อการซื้อหาของฝากจากเมือง โดยผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นแอปเปิล เช่นแยมแอปเปิล ชาแอปเปิล แกงกระหรี่แอปเปิล ไซเดอร์ น้ำส้มสายชู ไอศครีม เบคอน ไส้กรอกที่มีส่วนผสมของแอปเปิล และจำหน่ายสิ้นค้าพื้นเมืองต่างๆเช่นกัน

นอกจากนั้นยังมีอาหารทะเลที่เป็นจุดขายของจังหวัดนั้นคือหอย หอยใหญ่เท่าหน้า แถมร้านมีลูกเล่น คือให้ตกเอง ให้ตกเองนี่คือคือได้แน่ๆชุดนึง แต่ถ้าตกได้เกินในเวลาที่กำหนดก็เอาไปเลยที่เหลือ หรือตลาดปลาที่บอกเลยว่าสะอาดมาก เราสามารถซื้อคูปองหน้าตลาดเอาไปแลกอาหารสดๆหรือทำใหม่ๆจากในตลาดแล้วมานั่งทานได้ในนั้นเลย อาจจะเหม็นคาวคิดเสื้อออกมานิดหน่อย แต่สดกว่านี้ก็คงต้องลงเรือไปหาเองแล้ว

เหนือขึ้นมาอีกมีร้าน Lucky Pierrot ใน Hakodate จังหวัดฮาโกดาเตะ เป็นร้านขายแฮมเบอร์เกอร์แบบญี่ปุ่นที่เปิดมาสิบกว่าปี โดยร้านนี้มีจุดขายแฮมเบอร์เกอร์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นและเป็นของสดต่างๆเช่น ผักที่ปลูกจากในเมืองหรือเมืองรอบๆที่เก็บสดทุกเช้า ไข่ต้องมาจากแม่ไก่ที่ไข่ในตอนเช้า โดยนำมาทำเป็นแฮมเบอร์เกอร์ที่ผสมความเป็นญี่ปุ่น เช่นแฮมเบอร์เกอร์ไก่ซอสจีน หมูทอดญี่ปุ่น แกงกระหรี่ ครีมและนมมาจากวัวที่เลี้ยงกันมากในภูมิภาคฮอกไกโด

นอกจากนี้ระหว่างทาง ฮาโกดาเตะ และ ซัปโปโร ยังมีจุดพักรถที่เน้นขายเห็ด ชื่อ Mushroom Kingdom ไม่ว่าจะเป็นราเม็งเห็ด เห็ดทอด โซบะเห็ด ไส้กรอกเห็ด จนถึงซุปมิโสะเห็ดชื่อดังที่ปีนึงขายได้ 600,000 ถ้วย นอกจากผลิตภัณฑ์จากเห็ดทั้งสดและแปรรูปแล้วยังมีของฝากทั้งผักสด ผลไม้ นม และไอศครีม

นี่เป็นแค่ตัวอย่างคร่าวๆที่มีอาหารเป็นตัวชูโรงในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เส้นทางนี้ยังมีศาลเจ้า สวนสนุก ล่องแพ ดูดอกไม้ รวมถึงสวนผลไม้ที่แวะเข้าไปเก็บทานได้สดๆตลอดทางตามฤดูกาล นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆของเส้นทางระหว่างสนามบินที่โตเกียวไปซัปโปโระ