top of page

กินแบบผลิใบ ในญี่ปุ่น!!


และแล้วในปีที่ผ่านมาก็ฝ่าฟันโควิดจนได้มาทำวิจัยที่ญี่ปุ่นสมใจเนื่องจากเจอโรคเลื่อนเเล้วเลื่อนอีกจนน๊อตแทบหลุด

การมาญี่ปุ่นในครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆมากเพราะที่ผ่านมามาเที่ยวอย่างเดียวแต่รอบนี้ต้องมาทำงานวิจัยเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของอาจารย์ชาวต่างชาติที่ประเทศญี่ปุ่น แต่จะไม่ขอลงรายละเอียดเพราะกลัวจะไม่สนุก มีเรื่องที่สนุกกว่าและน่าสนใจกว่ามากมายที่อยากแบ่งปัน ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องกิน เที่ยว และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่น่าจดจำ

ปีนี้เป็นอีกปีที่ญี่ปุ่นหนาวมากเป็นพิเศษและหิมะก็ตกหนักกว่าปกติและก็อยู่เมืองที่หนาวมากคือ เมืองเอะเบ็ทซึ (Ebetsu) ในจังหวัดฮอกไกโด (Hokkaido) ซึ่งห่างจากตัวเมืองซัปโปโร (Sapporo) ประมาณ 12 กม ฟังชื่อแล้วหนาวยะเยือกขึ้นมาทันทีนะครับ อันที่จริงก็น่าจะเป็นสิ่งดีที่เป็นประสบการณ์อันน่าจดจำเพราะยังไม่เคยอยู่อากาศแบบติดลบจนน่าตื่นเต้นนานขนาดนี้มาก่อนในชีวิต นอกจากเจอติดลบแบบอื่นเช่นหุ้นดิ่งเหวที่ตื่นจนเต้นไม่ลงเลยทีเดียว

อยู่ญี่ปุ่นใช้ชีวิตแบบญี่ปุ่นมาก็หลายเดือนทำให้รู้ว่าคนญี่ปุ่นมีระเบียบในชีวิตที่น่าจดและจำเป็นสิ่งดีๆที่หากนำมาปฎิบัติจะทำให้ชีวิตมีระเบียบยิ่งขึ้น เพราะคนญี่ปุ่นเป็นที่คนคิดเล็กคิดน้อย อันนี้ไม่ได้ว่าเพียงแค่บอกว่าละเอียดในทุกสิ่ง ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าพบเจอสิ่งแปลกๆใหม่ๆเกิดขึ้นในญี่ปุ่นแทบทุกวัน แค่เดินเข้าร้าน 100 เยน “Daiso” ร้านเดียวก็สามารถอยู่ได้เป็นวันเพราะมีของแปลกๆที่คิดไม่ถึงว่าจะมีเยอะขนาดนี้ บางอย่างยังแอบคิดว่าทำทำไมแต่ก็นะ ทำให้รู้ว่าคนญี่ปุ่นกับความคิดสร้างสรรค์นี่เต็มร้อยจริงๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสิ่งเหล่านี้ทำให้การใช้ชีวิตง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น

นอกจากคนญี่ปุ่นจะช่างคิดเรื่องสร้างสรรค์สิ่งล้ำนำสมัยแล้ว สิ่งที่เป็นวัฒนธรรมประเพณีของญี่ปุ่นก็น่าศึกษาและน่าสนใจในทุกเรื่อง สิ่งเหล่านี้มีความละเอียดอ่อนตามเหตุผลของประเพณี วัฒนธรรม และฤดูกาล หนึ่งในวัฒนธรรมที่น่าสนใจและได้พบเห็นในขณะที่อยู่ในญี่ปุ่นคือวัฒนธรรมด้านอาหาร

เนื่องจากเป็นคนชอบกิน ทำอาหาร ชอบเที่ยว และชอบออกกำลังกายแบบเดี่ยวๆ คือวิ่ง ทำให้มีแรงตามหาของชอบ ของอร่อย และที่ไปบ่อยๆคือตลาดและห้างฯที่ขายอาหาร เพราะการไปตลาดและห้างฯในแต่ละครั้งมักพบกับอาหารแปลกๆและวัตถุดิบใหม่ๆในการปรุงอาหารทำให้ต้องซื้อกลับมาท้าทายในการทำอาหารอยู่เสมอ ถึงแม้ไม่ใช่เชฟแต่อนาคตไม่แน่ (อันนี้พูดเล่น)แต่หากใครอยู่ญี่ปุ่นนานๆคงต้องทำอาหารเองกันบ้างเพราะอาหารในภัตตาคารและร้านต่างๆราคาค่อนข้างสูง อยู่นานๆกระเป๋ามีฉีก และถ้าจะให้กินอาหารญี่ปุ่นบ่อยๆคงไม่ไหว และถ้าพึ่งอาหารเท (อันนี้เรียกเองเพราะเป็นอาหารลดราคาก่อนห้างปิด) ก็คงได้โรคกระเพาะเป็นของแถมเป็นแน่แท้เพราะต้องรอถึงสองทุ่มครึ่ง

ก่อนจะพูดเรื่องทำอาหารในญี่ปุ่นที่เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ก็จะเล่าเรื่องวัฒนธรรมด้านการบริโภคอาหารของคนญี่ปุ่นให้ฟังนิด คนญี่ปุ่นนิยมบริโภคอาหารตามฤดูกาลและเท่าที่ได้พบในช่วงเเรกที่ไปอยู่คือช่วงฤดูใบไม้ร่วงประมาณเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายนจะนิยมกินปลาต่างๆเช่นปลาคาซึโอะหรือปลาโอย่างและปลาต่างๆเพราะอากาศเริ่มเย็น พอเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์อากาศก็หนาวจัดแน่นอนต้องกินของร้อนประเภทหม้อไฟหรือชาบู ซึ่งต่างจากบ้านเราที่กินหม้อไฟทุกฤดูกาลแถมพ่วงรมควันเสร็จด้วยหมูกะทะ พอเริ่มฤดูใบไม้ผลิเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม อากาศเริ่มอุ่นขึ้นมีผักต่างๆผลิดอกออกใบมากมาย ดังนั้นการกินอาหารในช่วงนี้จึงวิเศษสุดเพราะเจอกับอากาศหนาวเย็นมานานแสนนาน ผักภูเขาต่างๆเป็นผักที่งอกงามตามธรรมชาติเช่นหน่อไม้เริ่มแทงยอด ผักทะระโนมะ Taranome จะแตกหน่อ ผักชนิดนี่มีรสขมแต่อร่อยถ้านำมาทอดเป็นเทมปุระ หรือผักโคโกมิ Kogomi ที่มีลักษณะคล้ายเฟิร์นหรือผักกูดของบ้านเรา ผักชนิดนี้คนญี่ปุ่นทำได้หลายเมนูเช่นหุงกับข้าวจะทำให้ข้าวหอม หรือนำมาต้มแล้วล้างเติม มรินหรืองาก็จะได้รสชาติที่ดี

แต่มีผักอีกชนิดหนึ่งที่เป็นผักป่าที่น่าทึ่งคือผัก ฟุกิโนโทอุ Fukinotou หรือมีชื่อภาษาอังกฤษว่า Japanese Butter bur ผักชนิดนี้มีความอึดหรือมีความอดทนสูงมาก เพราะขนาดหิมะตกหนาหลายเมตรแถมความหนาวเย็นติดลบสุดขั้วแต่พอหิมะละลายผักชนิดนี้กลับแตกหน่อ ผลิใบ ยิ่งมีหิมะปกคลุมมากเท่าไรความอร่อยจะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเพราะหิมะจะล้างทำให้ความขมลดลง ที่ชอบและสนใจผักชนิดนี้เพราะช่วงที่หิมะเริ่มละลายขณะที่เดินกลับบ้านเจอผักชนิดหนึ่งเริ่มผลิใบคล้ายหัวหรือหน่อที่โผล่พ้นจากดินข้างทางเดิน ทีเเรกเริ่มสงสัยและคิดว่าคงเป็นดอกไม้จึงสังเกตุทุกวัน และในที่สุดก็กระจ่างเพราะคนญี่ปุ่นบอกว่าสิ่งนี้คืออาหาร และเป็นหนึ่งในผักภูเขาที่ยอดนิยม “ผักฟุกิโนโทอุ” คนญี่ปุ่นยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่าหลังจากหมีจำศีลจะหาต้นนี้กินเป็นสิ่งแรกสงสัยคงจะหาของบรรเทาปวด เพราะผักชนิดนี้มีสารประกอบของ Pertains ที่ช่วยในการไหลเวียนของเลือดบริเวณสมองทำให้ลดอาการปวดหัวจากโรคไมเกรนได้ดี คนญี่ปุ่นใช้หน่อหรือดอกของผักชนิดนี้ทอดเป็นเทมปุระหรือผัดกับมิโซะ ส่วนใบใส่ในซุปมิโซะ หรือสับให้ละเอียดผสมมิโซะใส่ในข้าว แต่หากใครไม่ชอบรสขมอาจไม่ชอบได้ แต่สำหรับผมแล้วผักชนิดนี้ทำเป็นเทมปุระอร่อยยิ่งนัก เวลาทอดกรอบๆแล้วทำให้ความขมและกลิ่นเหม็นเขียวกลายเป็นความอร่อยได้อย่างลงตัว อย่างไรก็ตามอาหารเฉพาะฤดูกาลก็ยังเป็นสิ่งพิเศษและเป็นมนต์เสน่ห์ที่เลิศรสอยู่ดีนั่นเอง

ถึงแม้จะมาอยู่ในระยะเวลาสั้นๆแต่ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่ประทับใจมิรู้ลืม และยังครองอันดับยอดนิยมของคนไทยที่แสวงหาความสุขทุกฤดูกาลอย่างแท้จริง วัฒนธรรมการบริโภคอาหารของญี่ปุ่นยังมีอีกมากมายซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกแต่เป็นเรื่องที่น่าค้นหา เฉกเช่นเดียวกับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารของไทยซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นหากผู้สูงวัยท่านใดมีเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับเรื่องราวที่เป็นตำนานของอาหารหรือความแปลกของอาหารที่ค้นพบใหม่ๆหากนำมาเผยแพร่นอกจากจะเป็นทั้งความรู้ยังเป็นการสืบทอดบันทึกมรดกที่มีคุณค่าอย่างไม่มีวันจบและไม่มีวันเลือนหายไปจากความทรงจำ





Story by

บดินทร์ จินดา

มีแนวคิดว่า ทุกสิ่งคือความสุข ความสนุกคือการหาของอร่อย และความบ่อยคือการวิ่ง



เรียบเรียงโดย

จารุนันท์ เชาวน์ดี

ออกแบบกราฟฟิก โดย

วัทนพร ภูเวียงจันทร์

49 views0 comments
bottom of page