Nature Talk คุยกับธรรมชาติ
- อา จิ โกะ
- May 6, 2021
- 1 min read
Updated: May 9, 2021

“ธรรมชาติ” คือ หนึ่งในปรากฏการณ์ทางกายของโลกอันหมายถึงสิ่งมีชีวิตและไม่มี ชีวิตทั้งที่มีขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ดิน น้ำ ลม ไฟ สัตว์ป่า พืชพรรณ อากาศ หิน ป่า ชายหาด แร่ธาตุ หรือแม้กระทั่งสัตว์ และรวมไปถึง มนุษย์ สัตว์อันประเสริฐ
ความผูกพันและความเชื่อมโยงต่างๆของธรรมชาติ ได้สรรค์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ไว้ มากมายเพื่อจุดประกายความเจริญเติบโต การพัฒนาการ การดำรงชีวิตและแรง บันดาลใจในการสร้างสิ่งต่างๆที่คิดว่าทำไม่ได้เเต่ทำได้ดั่งที่พบเห็นจากอดีต โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้นสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวทั้งที่ได้พบเห็นเเละได้สัมผัสอยู่ทุกวันตั้งแต่ยามตื่นจนถึงยามหลับนอน สิ่งเหล่านี้คือคุณค่าของธรรมชาติที่สามารถนำมาสร้างประโยชน์ให้กับคนที่รู้ซึ้งถึงคุณค่า แต่เรามักมองข้ามสิ่งที่เป็นประโยชน์เหล่านี้ไป แต่ยังมีคนหนึ่งที่เห็นคุณค่าของธรรมชาติและนำธรรมชาติอันล้ำค่าเหล่านั้นมาสร้างคุณค่าเพื่อเผยแพร่เป็นเครื่องเตือนใจให้เราตระหนักถึงความดีของธรรมชาติคนผู้นั้นคือ คุณ นะโมหรือคุณภูเบศวร์ ตันติต้องตาและคุณเบียร์ สุธิศา เกิดท่าพระ

เอกลักษณ์ที่ดูออกว่าเป็นศิลปินที่มากด้วยความคิด คุณนะโมเรียบจบด้าน Animation จากมหาวิทยาลัยรังสิต ส่วนคุณเบียร์ จบจิตรกรรมจากมหาวิทยาลัยศิลปากร ภายหลังจบการศึกษาคุณนะโมได้เริ่มทำงานด้าน Animation ตามสายที่ตนเองจบมา หลังจากทำไปได้ระยะหนึ่งจึงมาช่วยงานธุรกิจ ของครอบครัวและในขณะเดียวกันได้เริ่มสนใจในงานด้านเกษตรกรรม จึงตัดสินใจลาออกมาเรียนรู้เรื่องการเกษตร และอบรมศึกษาหาความรู้ด้านการเกษตรกรรมต่างๆใน ศูนย์ฝึกอบรมหลายแห่งจนเกิดแรงบันดาลใจสร้างที่พักและร้านกาแฟสไตล์บ้านดินโดยริเริ่มสร้างร่วมกับคุณเบียร์ ซึ่งทั้งคู่ได้ให้ความสนใจและตกแต่งด้วยดอกไม้แห้งผสมผสานด้วยรูปปั้นเซรามิกมากมายที่ที่ปั้นเองกับมือ โดยตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า Nature Talk
Nature Talk ตั้งอยู่เลขที่ 82/1 หมู่บ้านดอนตัน ตำบลเหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งที่ตั้งของ Nature Talk จะถูกรายล้อมไปด้วยสวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียงหลายสวน ซึ่งหลายคนอาจรู้จักเป็นอย่างดี
โดยสถานที่แห่งนี้มีจุดเริ่มต้นในการสร้างโดยการอยากเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตนเอง คุณนะโมในหนึ่งในเจ้าของสถานที่อันสวยงามนี้เล่าว่า เนื่องจากตนเองต้องการสถานที่ที่มี บรรยากาศของการเกษตร ธรรมชาติ เมือง และศิลปะรวมอยู่ด้วยกัน จึงคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดของการดำเนินชีวิตในแบบฉบับของตนเอง เพราะคิดว่าธรรมชาติและเมืองนั้นอยู่ด้วยกันได้จึงหาวิธีที่จะทำให้ธรรมชาติกับเมืองอยู่ด้วยกันโดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติและทรัพยากร จากพื้นที่ที่ว่างเปล่าจึงเริ่มปลูกต้นไม้โดยใช้ความรู้จากที่อบรมมาให้เป็นประโยชน์ สร้างแหล่งน้ำและสร้างบ้านจากวัสดุธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่ ทั้งดิน ไม้ และอิฐ เพื่อให้ เกิดความรู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติไม่เป็นเชิงพาณิชย์หรือเชิงอุตสาหกรรมมากเกินไป ตัวบ้านออกแบบให้รับแสงตอนกลางวันโดยไม่ต้องเปิดไฟ และออกแบบให้อากาศ ถ่ายเทโดยไม่ต้องใช้พัดลมหรือเครื่องปรับอากาศมากนัก สถานที่นี้จึงเป็นพื้นที่แห่งการ สร้างสรรค์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติอย่างแท้จริง
คุณนะโมเล่าให้ฟังต่ออีกว่า การสร้างบ้านดินนี้มีถึงแม้จะมีผู้สร้างนานมาแล้วและมีหลายแห่ง แต่ด้วยความชอบและความประทับใจจึงได้จดจำและนำแนวคิดนี้มาสร้างเป็นคาเฟ่และห้องพักเพื่อใช้รับรองลูกค้าที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง เพราะในปัจจุบันโลกแห่งอุตสาหกรรมทุกอย่างถูกขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วและ เกิดการทำซ้ำต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก ส่งผลต่ออุปนิสัยและการดำเนินชีวิตอย่างหลีก เลี่ยงไม่ได้ การทำซ้ำคล้ายๆกันเพื่อสนองความต้องการอันไม่มีขีดจำกัด ซึ่งสวนทางกับทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด การสร้างสรรค์จึงเป็นเรื่องของการสร้างตรรกะ ความงาม ความดี และความจริง เพื่อใช้ความงามดึงผู้คนให้เกิดความเข้าใจทรัพยากรทาง ธรรมชาติ ซึ่งตามมาด้วยความดีและความจริงที่จะปรากฏตามออกมา
แนวคิดที่ว่าทุกอย่างเป็นศิลปะได้ จึงต้องเริ่มจากการสร้างสถาปัตยกรรมให้เป็นงาน ศิลปะชิ้นหนึ่งที่เป็นกลางในการสื่อความหมายให้กับผู้อื่นได้รับรู้ การสร้างบ้านให้มี ความเป็นตัวของตัวเองเป็นเอกลักษณ์และพยายามที่จะแทรกนัยยะบางอย่างให้ผู้ที่เข้า มาสัมผัสได้รับรู้ถึงคุณค่าของทรัพยากรรอบตัว ลดการทำลาย ซึ่งสามารถทำจากสิ่งที่ทำได้ด้วยตัวเองผ่านการเข้าใจธรรมชาติ เป็นธาตุทั้ง 4 คือดิน น้ำ ลม ไฟ ที่ใช้ประกอบ ในการสร้างสรรค์
นอกจากบ้านที่ใช้เป็นคาเฟ่และห้องพักที่รับรองลูกค้าแล้ว ยังมีในส่วนบ้านดินสี น้ำตาลอีก 2 หลังที่ตกแต่งด้วยดอกไม้แห้ง ด้วยความที่ว่า Nature talk นั้นอยู่บนพื้นที่ที่ รายล้อมไปด้วยสวนดอกไม้มากมายทำให้ได้เห็นกระบวนการจัดการดอกไม้ของกลุ่ม ชาวสวนตั้งแต่ปลูกไปจนถึงการใช้และทิ้งทำลายเพราะคิดว่าดอกไม้ที่แห้งแล้วจะไม่เกิดประโยชน์ซึ่งบางสวนนำไปเผาทำลายทิ้ง ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะทางอากาศต่อไปอีก ดังนั้นจึงได้ไปขอเจ้าของสวนตัดดอกไม้แห้งที่ไม่ใช้แล้วเหล่านั้นมาจัดตกแต่งในบ้านดินสีน้ำตาล เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาสัมผัสเห็นถึงความงามของสิ่งที่ไร้ค่าแต่สร้างคุณค่าให้เกิด ประโยชน์ ส่วนบ้านอีกหลังจะเป็นส่วนของบ้านที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆของการจัดสร้าง บ้านเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมเกิดแรงบันดาลใจและสานต่อเรื่องราวของการ พึ่งพากันระหว่าง มนุษย์ โลก และธรรมชาติ ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันอย่างยั่งยืนตราบนานเท่านานต่อไป หากใครสนใจอยากเข้าไปสัมผัสเอง สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ตามที่อยู่ที่ได้กล่าวข้างต้นหรือเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่เพจFacebook Nature talk
สุดท้ายนี้ก็อยากจะบอกกับทุกคนว่าทุกสิ่งล้วนมีคุณค่าและความงามใน ตัวเองเสมอ คุณค่าไม่ได้อยู่ที่มูลค่า แต่มันอยู่ที่เราให้ค่าและเลือกให้ความสำคัญกับมันนั่นเอง

Story by
คุณนะโม ภูเบศวร์ ตันติต้องตา
ผู้รักและหลงใหลในความเป็นธรรมชาติ

เรียบเรียงโดย
วัทนพร ภูเวียงจันทร์
ขอขอบคุณรูปภาพสวยๆจากเพจFacebook Nature talk
Commenti